มีคนบอกว่าวัยรุ่นเต็มไปด้วยความสับสนต้องค้นหาตัวเอง หลายคนอาจจะมีแผนให้ชีวิตตามสูตรของสังคม (เรียนจบ ทำงานมั่นคง แต่งงานก่อนอายุ 30) ในขณะที่หลายคนเริ่มรู้ตัวว่าไม่อยากอยู่กับสูตรดังกล่าว แล้วจะไปทางไหนที่ใช่สำหรับตัวเองล่ะ ซึ่งวัยรุ่นหลายคนจึงหลงทางก่อนจะพบคำตอบ
'คิว' (Nat Wolff) ตกหลุมรัก 'มาร์โก้' (Cara Delevingne) มาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นทั้งคู่เริ่มห่างไม่ได้คุยกันทั้งที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันแท้ ๆ ถึงอย่างนั้นคิวก็มองเธออย่างชื่นชมมาโดยตลอดไม่ต่างจากที่ทั้งโรงเรียนมองว่าเธอเป็นสาวสุดเก๋ หลังจากในคืนหนึ่งที่เธอเริ่มต้นกลับมาคุยกับเขาโดยการชวนไปล้างแค้นกลุ่มเพื่อนสนิทและแฟนเก่าที่นอกใจ เธอได้หนีออกจากบ้านพร้อมทิ้งเงื่อนงำให้เด็กเรียนอย่างเขาออกตามหา โดยมีเพื่อนสนิทมาร่วมขบวนการคือ 'เบ็น' และ 'เรดาห์'
หนังมันมีความเป็น coming of age การก้าวพ้นวัยของเด็กเรียนทำอะไรภายใต้กรอบที่สังคมกำหนดว่าดี อยู่ ๆ ใครจะไปคิดว่าการที่คนหนึ่งหนีออกจากบ้านจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้ปาร์ตี้ครั้งแรก, ขโมยรถแม่เพื่อออกเดินทางต่างเมืองกับเพื่อนสนิท, รวมไปถึงการโดดเรียน และหนังยังพูดถึงวิธีการมองตัวตนคนอื่นได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นมุมที่เรามองเบ็นว่าเป็นตัวน่ารำคาญ (เมาเรื้อน, ชอบมโนเรื่อง sex, ดูไม่เอาไหน) แต่พอเราค่อย ๆ มองด้านดีของเขาผ่านสายตาของ 'เลซี่ย์' (Halston Sage) ก็เริ่มรู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้แย่อะไร ไอ้ด้านลบมันก็เป็นเรื่องปกติของกลุ่มเพื่อนด้วยซ้ำ อีกทั้งหนังยังทำให้สายตาในการมองคนอื่นของเราเปลี่ยนไปด้วย เช่นกรณีของเลซี่ย์ที่ตัวเธอถูกมองว่าเป็นคนสวยหุ่นดี แต่ไม่มีใครสนใจชมเธอเรื่องการเรียนทั้งที่เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง
เราสนใจอีกอย่างว่าวิธีที่คิวมองมาร์โก้ตลอดทั้งเรื่องมันสูตรเดียวกับหนังโรแมนติกวัยรุ่นทั้งหลายคือไม่เห็นว่าจะเป็นการเรียนรู้ตัวตนเพื่อตกหลุมรักกัน ทุกเรื่องมันพูดถึงการเฝ้ามองชื่นชมในแบบที่เราอยากเห็น ซึ่ง Paper Towns ก็บอกเล่าความรักแบบนั้น แต่จุดที่เรารู้สึกว่าแตกต่างและเด็ดขาดคือการจับทั้งคู่มานั่งสนทนาตอนท้ายเรื่อง มันกลายเป็นการเติบโตของฝ่ายชายที่กำลังหลงทางเรื่องความรัก(แต่ชัดเจนเรื่องเส้นทางชีวิต) และได้เห็นการเติบโตของฝ่ายหญิงที่กำลังค้นหาตัวเองว่าอยากโตขึ้นเป็นแบบไหน(แต่มีความชัดเจนเรื่องความรัก)
ที่สุดแล้วไม่ว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตตามสูตรนิยมของคิว หรือแบบสุดเหวี่ยงของมาร์โก้ มันก็ไม่มีถูกหรือผิด ไม่ได้มีกำหนดตายตัวว่าเดินแบบไหนถึงจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นช่วงวัยรุ่นจึงเป็นช่วงที่เราควรค้นหาตัวเองว่าเป็นแบบไหนแล้วจะมีความสุข ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรปิดโอกาสตัวเองที่จะได้ลองใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยทำ เพราะในตอนท้ายมันจะตอกย้ำเองว่าเราอยากเดินเส้นทางเดิม หรือว่าเราควรเปลี่ยนเส้นทางเสียใหม่